บักทึกรักในใจดิน

รูปภาพของฉัน
ดินหญ้ากาช้ำ..ฝากคำพร่ำบ่น..สู่สายตาชน..ที่ซ้นทางใจ..กลอนจากใจดิน..หญ้าชินร้าวไหว..การ่ำอาลัย..ช้ำในดวงมาลย์

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กลอนรัก...จากผู้ไร้รัก

อยากเขียน...กลอนรัก...หวานหวาน
แต่ความร้าวราน...ยังพัดผ่าน...ไม่ห่างหาย
อยากเขียนกลอนรัก...สลักให้...เธอรู้ความนัย
แต่ความกังวลใจ...ยังคงล้น...และมากมี

อยากเขียน...กลอนรัก...สื่อให้เธอ
ว่ารักเสมอ...จากฉัน...ผู้หญิงคนหนึ่งคนนี้
แต่คงเป็นไปไม่ได้...ที่เธอจะหันมาสน...มาไยดี
แม้ว่าในบทกวีของฉัน...มีแต่คำว่ารัก...รักเพียงเธอ
**********************************
กลอนรัก...จากผู้ไร้รัก
ครองความอกหัก...คงไม่หวานเท่าไร
เป็นกลอนแสนไร้ค่า...ต่อหัวจิตหัวใจ
ของคนที่มีใครต่อใคร...มอบรัก...จนล้นเกิน

กลอนรัก...จากผู้ไร้รัก
จึงไร้น้ำหนัก...งก-งก...เงิ่น-เงิ่น
จึงได้แต่เก็บกลอนรักไว้...เสียจนเป็น...กองพะเนิน
เพราะมันคงไม่มีทางบังเอิญ...ให้เธอมาสน...มาอ่านมัน
*********************************
กลอนรัก...จากฉัน...ผู้ไร้รัก
ช่างไม่มี...น้ำหนัก...เสียเลยหนา
โดยเฉพาะ...ให้เธอ...คนเย็นชา
ยิ่งไร้ค่า...เหลือเกิน...กลอนจากใจ

เรียงอักษร...สื่อรัก...หวังจะสื่อ
เธอจะถือ...จะอ่าน...ก็หาไม่
ซ้ำยังเหยียด...หยามด้วยคำ...ไปให้ไกล-ไกล
กลอนรักฉัน...จึงไร้รัก...ดั่งคนครวญ
*****************************
ธรรมดา...ของคน...ที่ไร้รัก
มันย่อมหนัก...หัวใจ...จนอ่อนล้า
มีเพื่อนแท้...คือเงา...และน้ำตา
ปรารถนา...ใด-ใด...ไม่อาจมี

กลอนรัก...จากผู้ไร้รัก
จึงเสียหลัก...ซวนเซ...อยู่ตรงนี้
ไม่มีใคร...อยากอ่าน..ถ้อยวจี
ดวงฤดี...จึงเจ็บ...นานเท่านาน

*****************************
กลอนรักฉัน...สื่อไป...ก็ไร้ค่า
ครองแต่ความ...โศกา...นี้เท่านั้น
สื่อกลอนรัก...ถึงเธอ...คนสำคัญ
ก็ผลิกพลัน...ร่วงดับ...ไม่กลับคืน

ดั่งเศษฝุ่น...ลอยขว้าง...ผ่านหน้าเธอ
แล้วก็เผลอ...มาต้อง...จนต้องฝืน
หาน้ำล้าง...ออกเสีย...สุดกล้ำกลืน
รักฉันจึง...ต้องลื่น...จากหัวใจ
**************************
กลอนรัก...จากผู้ไร้รัก
คงไม่อาจ...สลัก...ถ้อยคำสวย
อาจจะเคล้า...น้ำตา...ให้งงงวย
ผสมด้วย...ดอกโศก...แนบท้ายมา

ด้วยรู้ดี...ว่าเธอ...ไม่คิดอ่าน
ถ้อยคำขาน...จากฉัน...คนไร้ค่า
ถึงกลั่นกลอน...เลิศล้ำ...จากอุรา
ก็สิ้นท่า...อยู่ดี...ด้วยเธอเมิน

**************************
กลอนรัก...ที่พร่ำกลั่น
หวังสัมพันธ์...อันแสนหวาน
หวังชื่น...ในดางมาลย์
ต้องราญ...เพราะเธอเมิน

กลอนรัก...จึงไร้รัก
ถูกพัก... ณ โขดเขิน
มิอาจ...จะร่วมเดิน
สะเทิ้น...ทั้งใจกาย

*************************
ผู้ไร้รัก...เสลาสลัก...ถ้อยคำหวาน
กลั่นบทกานท์...กาพย์กลอน...ถ้อยเฉลย
หวังจะสื่อ...ความนัย...คนคุ้นเคย
กลับถูกปัด...นิ่งเฉย...ไร้ศรัทธา

กลอนบทรัก...จึงแหลก...ไม่เหลือดี
ด้วยบทกลอน...เหล่านี้...ไม่มีค่า
จึงเป็นบท...กลอนรัก...ผู้โศกา
คือตัวฉัน...นี่แหละหนา...ผู้ร้าวรอน

**********************

คงขาดหวาน...ในบทกลอน
จึงสะท้อน...รักไม่ได้
เพราะไร้รัก...จากหัวใจ
กลอนจึงไร้...ซึ่งมนตรา

กลอนรัก...ผู้ไร้รัก
จึงต้องพัก...ด้วยรู้ว่า
กลอนรัก...มิอาจพา
ปรารถนา...สู่ใจเธอ
***********************
ผู้มีรัก...เขียนกลอนรัก...คงสมหวัง
ผู้พ่ายแพ้...คงถูกชัง...จนสิ้นค่า

ด้วยบทกลอน...ไม่อาจอ้อน...วอนอุรา
ด้วยมันไร้...รักเยียวยา...มาต่อรอง

*********************
จะให้เขียน...กลอนรัก...ได้เช่นไร
เมื่อดวงใจ...มันไร้...รักอย่างนี้
พยายาม...ตามหา...รักนานปี
ก็ไม่มี...สักครั้ง...จะได้ครอง

ผู้ไร้รัก...เขียนกลอนรัก...คงแสนขื่น
คงไม่รื่น...ไม่หวาน...ด้วยใจหมอง
กลอนบทรัก...คงเป็นแค่...รักขาดตอน
ที่สะท้อน...ฤทัย...ว่าช้ำตรม
***************************
กลอนรัก...จากใจฉัน
ฤาสำคัญ...ฤามากค่า
ต้องช้ำ...กับน้ำตา
อยู่อย่างคว้า...ฝันลอยลอย

ไร้รัก...ฤาจักเขียน
เฝ้านั่งเทียน...เขียนน้ำถ้อย
ให้พริ้ง...ให้เลิศลอย
นอกจากน้อย...ใจตัวเอง

***************************
อยากเขียนกลอน...รักหวาน...สื่อให้เห็น
แต่มามี...อันเป็น...เด่นเพียงเศร้า
ด้วยไม่เคย...รู้รส...หรือแนบเนา
นอกจากครอง...ความเหงา...ความเดียวดาย

ผู้ไร้รัก...จักเขียนรัก...ได้เช่นไร
เมื่อดวงใจ...มันไร้...สิ่งมุ่งหมาย
รักที่หวัง...ไม่เคย...ได้เฉียดกาย
กลอนรักจึง...วางวาย...สุดกลั่นกรอง
*************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น